พิธีถวายเลือดรอฟีเฎาะฮฺ

พิธีถวายเลือดรอฟีเฎาะฮฺ
ท่านอาลี ท่านฮาซัน และท่านฮูเซน ไม่เคยรับรู้พิธีนอกรีดที่ว่านี้เลย

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เมื่ออิมามะฮฺของลัทธิชีอะฮ์เหมือนภาวะศาสดา

อิมามสิบสอง
เมืออิมามะฮฺของชีอะฮฺอิมาม12 เหมือนนุบุวะฮฺ
       
         ชาวชีอะฮิรอฟีเฎาะฮฺมีทัศนะเป็นเอกฉันท์ร่วมกันว่า สิทธิของอิมามทั้งสิบสอง(12)ท่าน ของพวกเขาในการนำทางอุมมะฮฺนั้น เป็นสิ่งที่พระองค์อัลลอฮ์ ศุบฮานฮูวตาอาลา ทรงประทานมาให้ด้วยพระองค์เอง ไม่มีความแตกต่างในระหว่างการแต่งตั้งท่านนบีมูหัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เพื่อให้เป็นรสูลของพระเจ้า และการแต่งตั้งอิมามสิบสองให้เป็นผู้สืบช่วงต่อจากท่าน เพื่อให้เน้นให้เห็นลักษณะอันสำคัญของอิมามะฮฺให้เด่นชัด อัลลามะฮฺ มุฮัมมัด หุเซน กาเชิฟ อัล-ฆิตะอฺ ผู้เป็นอาลิมชีอะฮฺ ผู้มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในเมืองนะญัฟ อิรัคในระหว่างทศวรรษ 70 ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือของท่านชื่อ อัศลฺ อัช-ชีอะฮฺ วะ-อุศูลุฮา มีใจความว่า
"อิมามะฮฺเป็นตำแหน่งที่มาจากการแต่งตั้งของพระเจ้าเหมือนนุบุวะฮฺ(ภาวะศาสดา) เข่นเดียวกับที่อัลลอฮ์ทรงเลือกบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่พระองค์ทรงประสงค์สำหรับนุบุวะฮฺและริซาละฮฺ... ในทำนองเดียวกันพระองค์ทรงเลือกบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ที่พระองค์ทรงประสงค์เพื่อให้มารับอิมามะฮฺ" (อัศลฺ อัช-ชีอะฮฺ วะ-อุศูลุฮา, หน้า 58)
          เนื่องจากอิมามะฮฺตามความเชื่่อชีอะฮฺรอฟิเฎาะฮฺอิมามสิบสอง มีความเหมือนกับนุบุวะฮฺและริวาละฮฺในทุกๆด้าน การปฏิเสธอิมามะฮฺจึงมีความผิดในระดับเดียวกับการปฏเสธนุบุวะฮฺและริซาละฮฺ ถ้าปฏิเสธ นุบุวะฮฺและริซาละฮฺทำให้บุคคลเช่น อบูญะอัล และอบูละฮับ ต้องอยู่นอกศาสนาอิสลาม ย่อมอนุมานไปได้ว่า การปฏิเสธอิมามะฮ์ของท่านอาลี อิบนุ อบีฏอลิบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ย่อมทำให้บุคคลอย่างอบูบักรฺ อุมัรฺ และเหล่าเศาะฮธบะฮฺที่เหลือ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุม อยู่นอกศาสนาอิสลามด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับบุคคลที่มองปัญหาจากแง่มุมนี้ ย่อมจะไม่พิศวงสงสัยแต่ประการใดเมื่อพบว่า ชีอะฮฺรายงานหะดิษจากบรรดาอิมามของพวกเขาว่า
"ภายหลังวะฟาตของท่านรสูลุลลอฮฺ ประชาชนได้กลายเป็นมุรตัดกันหมด นอกจากบุคคล 3 คน" (อัลกาฟีย์ เล่ม 8 หน้า167)
 ทั้งนี้เพราะมันตรงกับหลักการที่ยกย่องให้อิมามะฮฺเสมอด้วยนุบุวะฮฺ ในความหมายที่ว่าตำแหน่งทั้งสองนั้นได้รับการแต่งตั้งจากพระองค์อัลลอฮ์ ศุบฮานฮูวตาอาลา  

พวกชีอะฮฺพวกเขาจะพูดถึงชาวสุนนะฮ์เช่นเดียวกับที่พวกเขาพูดถึงบรรดาเศาะหาบะฮ์ นั้นคือ เมื่ออิมามเป็นตำแหน่งที่มาจากการแต่งตั้งของพระเจ้าเหมือนกับนุบุวะฮฺแล้ว ชาวสุนนีย์ที่ไม่ศรัทธาในอิมามะฮ์ของ 12 อิมาม ย่อมอยู่ในข่ายของผู้ปฏิเสธด้วยเช่นเดียวกัน

อย่างเช่น อิบนุ บะบาวัยฮฺ อัลกุมมีย์(เสียชีวิต ฮ.ศ.381) ผู้แต่งหนึ่งในสี่หนังสือรวบรวมหะดิษฉบับสำคัญของชีอะฮ์ คือหนังสือ มัน ลา ยะฮฺซุรุหุล ฟะเกียฮฺ ได้กล่าวเอาไว้มีใจความตอนหนึ่งว่า
"มันเป็นความเชื่อของเราเกี่ยวกับบุคคลที่ปฏิเสธอิมามะฮฺของท่านอะมีรุ้ลมุอฺมินีน(อาลี อิบนุ อบีฏอลิบ) และบรรดาอิมามภายหลังท่าน บุคคลผู้นั้นย่อมอยู่ในฐานะเดียวกับบุคคลที่ปฏิเสธนุบุวะฮฺของอัมบิยาอฺ"
 อบู ยะอฺฟัรฺ อัต-ตูซีย์ ผู้ได้รัยฉายาว่าเชค อัต-ตาอิฟะฮฺ(เสียชีวิต 460) ซึ่งเป็นผู้เขียนสองในสี่ของหนังสือรวบรวมหะดิษฉบับสำคัญของชีอะฮฺ ได้กล่าวว่า
"การปฏิเสธอิมามะฮฺเป็นกาเฟรฺ เหมือนกับการปฏิเสธนุบุวะฮฺ(ที่ทำให้)เป็นกุฟรฺนั้นเอง" (ตัลคิส อัช-ชาฟี เล่่ม 4 หน้า 131)   
 والله أعلم




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น