พิธีถวายเลือดรอฟีเฎาะฮฺ

พิธีถวายเลือดรอฟีเฎาะฮฺ
ท่านอาลี ท่านฮาซัน และท่านฮูเซน ไม่เคยรับรู้พิธีนอกรีดที่ว่านี้เลย

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หลักฐานอัลกุรอานที่ชีอะฮฺอีหม่าม 12 อ้างละหมาดฟัรดู 3 เวลา


ชีอะห์อิหม่ามสิบสองมิได้มีความเชื่อในเรื่องอัลกุรอานเหมือนดั่งที่มุสลิมโดยทั่วไปเชื่อถือ แม้ผู้รู้ของชีอะห์บางคนจะโพทะนาว่า พวกเขาเชื่อในอัลกุรอานเหมือนกันหรือเล่มเดียวกันกับมุสลิมทั้งโลกก็ตาม แต่เป็นที่ประจักษ์ว่า ยังมีนักวิชาการของชีอะห์หลายรายและตำราของชีอะห์อีกมากมายที่ยืนยันว่า อัลกุรอานที่เราได้อ่านกันอยู่ทุกวันนี้ไม่ครบสมบูรณ์ ดังนั้นในเบื้องลึกแล้ว พวกเขาหาได้เชื่อถือในอัลกุรอานที่มุสลิมทั้งโลกได้อ่านกันอยู่ทุกวันนี้ แต่การที่พวกเขานำเอามาอ้างก็เพียงเพื่อจะทำให้เหล่ามุสลิมเกิดความสั่นคลอนในอะกีดะห์ที่ยึดถือเท่านั้นเอง

               เพราะหากชีอะห์เชื่อในอัลกุรอานดังที่เราอ่านกันอยู่จริง พวกเขาคงไม่นำเอาพฤติกรรมของพวกยะฮูดมาแสดงเป็นแน่แท้ นั่นคือ หยิบบางส่วนมาอ้างและปกปิดอีกบางส่วนไว้

            ส่วนที่พวกเขาเปิดเผยออกมา แล้วอ้างเป็นหลักฐานในการละหมาด 3 เวลาคือ ข้อความจากซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่ 114 ตามที่ปรากฏข้างต้น ซึ่งมีความหมายดังนี้  “และเจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด ตามปลายช่วงทั้งสองของกลางวัน และยามต้นจากกลางคืน แท้จริงความดีทั้งหลายย่อมลบล้างความชั่วทั้งหลาย นั่นคือข้อเตือนสำหรับบรรดาผู้ที่รำลึก” ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่ 114

               ดูเหมือนเหล่าชีอะห์อิหม่ามสิบสองจะมั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่า อายะห์นี้คือหลักฐานชิ้นสำคัญของพวกเขาในการละหมาด 3 เวลาต่อวัน แต่ขอให้ท่านพิจารณาก่อนว่า การละหมาด 3 เวลาของเหล่าชีอะห์นั้น มีวิธีปฏิบัติไม่เหมือนกับวิธีปฏิบัติละหมาดของมุสลิมทั้งโลก กล่าวได้ว่า ชีอะห์กับมุสลิมทั้งโลกละหมาดไม่เหมือนกัน ทั้งจำนวน,เวลา และวิธีปฏิบัติ

                ประการถัดมาก็คือ ชีอะห์ได้หยิบเอาบางส่วนของอัลกุรอานมาเข้าใจกันเอาเอง โดยไม่ใส่ใจการอธิบายของท่านนบี ทั้งๆ ที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงแต่งตั้งให้ท่านนบีเป็นผู้อธิบาย โดยพระองค์กล่าวว่า

 وَأنْزَلْنَا إلَيْكَ الذِّكْرَ لِتُبَيِّنَ للنَّاسِ مَا نُزِّلَ إلَيْهِمْ وَلَعَلَّهُمْ يَتَفَكَّرُوْنَ


“และเราได้ได้ประทานอัลกุรอานให้แก่เจ้า เพื่อเจ้าจะได้ชี้แจงแก่มนุษย์ทั้งหลาย ซึ่งสิ่งที่ถูกประทานลงมายังพวกเขา และเพื่อพวกเขาจะได้พิจารณา” ซูเราะห์อันนะหล์ อายะห์ที่ 44
                เหตุใดเล่าที่เหล่าชีอะห์ไม่ใส่ใจคำอธิบายของท่านนบี พวกเขาทำเหมือนว่า ท่านนบีไม่มีตัวตน แต่หากพวกเขายืนยันว่าศัรทธาต่อท่านนบี ถ้าเช่นนั้นแล้ว มีหลักฐานอันใดหรือที่แสดงว่า ท่านนบีละหมาด 3 เวลาต่อวัน หรือพวกเขายืนยันว่า รักและศรัทธาต่อท่านอาลี ถ้าเช่นนั้นแล้ว มีหลักฐานอันใดหรือที่บ่งบอกว่า ท่านอาลีปฏิบัติหรือสอนคนอื่นให้ละหมาดวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง 3 เวลา ดั่งที่พวกเขากล่าวอ้าง

                เพราะหากอายะห์ข้างต้นนี้เป็นหลักฐานใช้ให้ละหมาดวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง 3 เวลาจริง ก็จะต้องมีร่องรอยการปฏิบัติจากท่านนบี หรือจากท่านอาลี,ท่านฮะซันและท่านฮุเซน แต่มิได้เป็นเช่นนั้น พวกเขาต่างหากที่หยิบเอาบางส่วนของอัลกุรอานมายำมั่วกันเอง

                ท่านอิบนิกะษีร อธิบายว่า “อาลี อิบนิ อบี ฏอลฮะห์ กล่าวว่า รายงานจากอิบนิ อับบาส ในข้อความที่ว่า และเจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด ตามปลายช่วงทั้งสองของกลางวัน หมายถึง ละหมาดซุบฮิและละหมาดมัฆริบ และอัลฮะซัน, อับดุลเราะห์มาน บินเซด บินอัซลัม ก็ได้กล่าวไว้อย่างนี้เช่นเดียวกัน  อัลฮะซัน, ก่อตาดะห์, ฏอฮ์ฮาก และคนอื่นๆ ในอีกรายงานหนึ่งระบุว่า คือ ละหมาดซุบฮิและอัศริ พร้อมกันนี้มุญาฮิด ได้กล่าวว่า คือละหมาดซุบฮิในตอนต้นวัน และละหมาดซุฮ์รีกับอัศริในตอนปลายวัน มูฮัมหมัด บิน กะอ์ อัลกุรซีย์ และอัฏฏอฮ์ฮาก ในอีกรายงานหนึ่งก็ได้กล่าวเช่นเดียวกันนี้
               ส่วนคำพูดที่ว่า ยามต้นจากกลางคืน นั้น ท่านอิบนิ อับบาส, มุญาฮิด, อัลฮะซัน และคนอื่นๆ กล่าวว่า หมายถึงละหมาดอีชาอ์,  แต่อัลฮะซัน ในอีกรายงานหนึ่งของอิบนุ มุบาร๊อก จากมุบาร๊อก บินฟะฏอละห์ ในคำพูดที่ว่า ยามต้นจากกลางคืน หมายถึง มัฆริบและอีชาอ์ ซึ่งท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ทั้งสองคือตอนต้นของกลางคืนคือ มัฆริบและอีชาอ์ มุญาฮิด,มูฮัมหมัด บิน กะอบ์, ก่อตาดะห์ และอัฏฏอฮ์ฮาก ได้กล่าวไว้เช่นเดียวกันว่า มันคือละหมาดมัฆริบและอีชาอ์” ตัฟซีรอิบนิกะษีร อธิบายซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่ 114



            ก่อนหน้านี้เราได้กล่าวว่า เหล่าชีอะห์ได้นำเอาพฤติกรรมของพวกยะฮูดมานำเสนอ โดยนำเอาบางส่วนมาอธิบายมั่วกันเอง และปกปิดบางส่วนไว้ และต่อไปนี้คืออีกบางส่วนที่เหล่าชีอะห์ปิดบังอำพรางไว้

                พระองค์อัลลอฮ์ ทรงกล่าวว่า

 أقِمِ الصَّلاَةَ لِدُلُوكِ الشَّمْسِ إلَى غَسَقِ اللَيْلِ وَقُرْآنَ الفَجْرِ
“จงดำรงการละหมาดตั้งแต่ตะวันคล้อยจนถึงพลบค่ำ และการอ่านยามรุ่งอรุณ” ซูเราะห์อัลอิสรออ์ อายะห์ที่ 78

 فَسُبْحَانَ اللهِ حِيْنَ تُمْسُوْنَ وَحِيْنَ تُصْبِحُوْنَ وَلَهُ الحَمْدُ فِي السَّمَاوَاتِ وَالأرْضِ وَعَشِيًّا وَحِيْنَ تُظْهِرُوْنَ
“ฉะนั้น มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮ์ ขณะที่พวกเจ้าเข้าสู่ยามเย็น และขณะเข้าสู่ยามเช้า และการสรรเสริญแด่พระองค์ทั้งในบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน ทั้งในยามบ่ายแก่และในยามบ่าย” ซูเราะห์อัรรูม อายะห์ที่ 17 – 18

                ถ้าจะกล่าวกันห้วนๆโดยไม่ใส่ใจคำอธิบายของผู้ใดก็จะเห็นว่า อายะห์ดังกล่าวข้างต้นนี้กล่าวถึงเวลาเย็น – เช้า – เวลาบ่ายแก่ – และเวลาบ่าย รวม 4 เวลาแล้ว หรือว่าเหล่าชีอะห์จะปฏิเสธอัลกุรอานอายะห์นี้

                แต่ท่านอิบนิ อับบาส อธิบายว่า อายะห์นี้คือรากฐานการละหมาด 5 เวลา ดังนี้

وَرَوَى لَيْثٌ عَنْ الْحَكَمِ عَنْ أَبِي عِيَاضٍ قَالَ : قَالَ ابْنُ عَبَّاسٍ : جَمَعَتْ هَذِهِ الآيَةُ مَوَاقِيتَ الصَّلاةِ : { فَسُبْحَانَ اللَّهِ حِينَ تُمْسُونَ } الْمَغْرِبَ وَالْعِشَاءَ { وَحِينَ تُصْبِحُونَ } الْفَجْرَ { وَعَشِيًّا } الْعَصْرَ { وَحِينَ تُظْهِرُونَ } الظُّهْرَ

  “ลัยษ์ ได้รายงานจาก อัลฮะกัม จาก อบีอิยาฏ กล่าวว่า อิบนิ อับบาส กล่าวว่า  อายะห์นี้ได้รวมเวลาละหมาดไว้  {ฉะนั้น มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮ์ ขณะที่พวกเจ้าเข้าสู่ยามเย็น} คือ มัฆริบและอีชาอ์  {และขณะเข้าสู่ยามเช้า} คือ ละหมาดซุบฮ์ {ทั้งในยามบ่ายแก่} คือ อัศริ {และในยามบ่าย} คือ ซุฮ์ริ”  อะห์กามุ้ลกุรอาน 3/429

                 ข้อควรระวังก็คือ มุสลิมอย่าหลงกลวิธีการของเหล่าชีอะห์ ด้วยการหยิบเอาอัลกุรอ่านบางส่วนไปตีความกันเอง โดยทิ้งคำสอนของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม เด็ดขาด
                ชายชาวนัจญ์ได้ถามท่านนบีเกี่ยวกับอิสลาม ท่านตอบว่า

 خَمْسُ صَلَوَاتٍ فِي الْيَوْمِ وَالْلَيْلَةِ فَقَالَ هَلْ عَلَيَّ غَيْرُهَا قَالَ لاَ إلاَّ أنْ تَطَوَّعَ
“คือละหมาดวันหนึ่งกับคืนหนึ่งห้าเวลา เขาถามว่า ยังมีฟัรดูนอกเหนือจากนี้อีกไหม ท่านตอบว่า ไม่มี นอกจากเจ้าจะสมัครใจกระทำ” ศอเฮียะห์บุคอรี ฮะดีษเลขที่ 44

                ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้สอบถามเหล่าศอฮาบะห์ว่า

 أرَأيْتُمْ لَوْ أنَّ نَهْرًا بِبَابِ أَحَدِكُمْ يَغْتَسِلُ فِيْهِ كُلَّ يَوْمٍ خَمْسًا مَا تَقُوْلُ ذَلِكَ يُبْقِي مِنْ دَرَنِهِ قَالُوا لاَ يُبْقِي مِنْ دَرَنِهِ شَيْئًا قَالَ فَذَلِكَ مِثْلُ الصَّلَوَاتِ الخَمْسِ يَمْحُو اللهُ بِهِ الخَطَايَا

“พวกเจ้าทั้งหลายลองบอกซิว่า หากมีแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่านหน้าประตูบ้านพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าก็อาบน้ำในแม่น้ำนั้นวันละห้าครั้ง ยังจะมีสิ่งโสโครกติดอยู่อีกไหม พวกเขาตอบว่า ไม่มีสิ่งโสโครกใดๆติดอยู่เลย ท่านกล่าวว่า เปรียบได้ดั่งการละหมาดห้าเวลา ที่พระองค์จะทรงลบล้างความผิดให้” ศอเฮียะห์บุคอรี ฮะดีษเลขที่ 497
                บรรดามุสลิมทั้งโลกได้ละหมาดวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง 5 เวลา ด้วยหลักฐานคำสั่งจากอัลกุรอ่านและคำสอนของท่านนบี พร้อมทั้งวิธีการละหมาดจากท่านนบี  หากเหล่าชีอะห์จะไม่ใส่ใจคำสอนของท่านนบีไม่ว่าจะเป็นจำนวนหรือวิธีการปฏิบัติ  เราก็อยากรู้เหมือนกันว่า ละหมาด 3 เวลาของพวกเขาไปเอาวิธีการมาจากไหน เพราะในอัลกุรอานไม่ได้บอกรายละเอียดของการปฏิบัติไว้ ประเด็นนี้น่าติดตามมากกว่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น